
คืนความสุขให้แฟนบอลได้เฮ แพ้2-3แต่ประตูรวมเฉือนชนะ ‘เมสซี่เจ-ชัปปุยส์’รับบท‘ฮีโร่’
สิ้นสุด 12 ปีที่รอคอย! ขุนพล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย คว้าแชมป์ศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014” มาครองได้สมใจหลังทำเอาแฟนบอลชาวไทยใจหายทั้งประเทศ เมื่อโดน “เสือเหลือง” มาเลเซีย เจ้าถิ่นนำไปก่อน 3-0 ก่อนจะมายิง 2 ประตู ใน 10 นาทีสุดท้าย จากพ่อรูปหล่อ ชาริล ชัปปุยส์ กับ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ให้ไทยจบด้วยการแพ้มาเลย์ 2-3 แต่ประตูรวมชนะ 4-3 ได้เถลิงบัลลังก์แชมป์สร้างความสุขส่งท้ายปีให้คอบอลพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งชาติ รับเงินรางวัลบวกอัดฉีด 25 ล้านบาทไปแบ่งกัน ขณะที่ชนาธิป ผู้กดประตูที่ 2 ยังได้รับรางวัลเอ็มวีพี นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์อีกต่างหาก
การแข่งขันศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014” รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่สนามบูกิต จาลิล กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง “เสือ เหลือง” มาเลเซีย ต้อนรับการมาเยือน “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ซึ่งในนัดแรกทีมไทยเป็นฝ่ายเอาชนะมาได้ก่อน 2-0 ขอเพียงแค่เสมอหรือแพ้แค่ 1 ลูกก็จะคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 4 และจะเป็นการคัมแบ็กกลับมาคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีทันที
โดยเกมนี้ทั้ง 2 ทีมเล่นกันท่ามกลางสนามที่เปียกเล็กน้อย เนื่องจากก่อนเกมประมาณ 5 ชั่วโมงมีฝนเทตกลงมา ขณะเดียวกันก็มีแฟนบอลเจ้าถิ่นเข้ามาชมการฟาดแข้งเต็มความจุกว่า 1 แสนที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีกองเชียร์ไทยทั้งที่เดินทางมาจากประเทศไทยและทำงานอยู่ที่มาเลเซียรวมตัวกันมาเชียร์ทีมช้างศึกประมาณ 2 พันคนอีกด้วย
ในการประชุมทีมก่อนออกเดินทางจากโรงแรมที่พักมายังสนาม “บิ๊กเษม” เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมของทีมชาติไทย ได้กล่าวเตือนสตินักเตะทุกคนให้เล่นอย่างมีวินัยทั้งเกมรุกและรับ อย่าเสียสมาธิโดนใบเหลืองใบแดงง่ายๆ หากถูกยั่วยุ พร้อมทั้งยังบอกว่าเรามีโอกาสเข้าใกล้แชมป์มากที่สุด ขอให้ฮึดอีกแค่อึดใจเดียวก็จะเป็นแชมป์แล้ว นอกจากนี้ยังกระตุ้นปลุกใจนักเตะให้สู้ตาย โดยบอกว่าเราคนไทยไม่เคยเสียเอกราชให้กับใคร ไม่ว่าใครหน้าไหนเราก็ไม่เกรงกลัวทั้งนั้น เราจะสู้เพื่อชื่อเสียงของประเทศ เพื่อในหลวง และเพื่อคนไทยทั้ง 70 ล้านคนที่เชียร์เราอยู่ทางบ้าน เราจะต้องเอาแชมป์กลับบ้านเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยให้ได้
ขณะที่กุนซือ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า มั่นใจว่านักเตะไทยจะไม่สะทกสะท้านกับเสียงเชียร์ของแฟนบอลชาวมาเลเซีย 1 แสนคนในสนามบูกิต จาลิลแน่นอน เพราะเคยผ่านสมรภูมิในซีเกมส์และเอเชียนเกมส์มาแล้ว พร้อมกันนี้ยังยืนยันด้วยว่า หากกองเชียร์มาเยอะเท่าไหร่จะทำให้ทีมไทยเล่นได้มันยิ่งขึ้นมากเท่านั้น
ขณะที่บรรยากาศหน้าสนามบูกิต จาลิล ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นนั้นแฟนบอล “เสือเหลือง” มาเลเซีย เดินทางมาถึงสนามตั้งแต่ช่วงเที่ยง แม้ว่าต่อมาจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่หวั่น ขณะเดียวกันก็มีแฟนบอลไทยหลายสิบคน โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีตั๋วเข้าชมเกมนี้ เนื่องจากตั๋วได้จำหน่ายหมดไปแล้ว ทำให้ต้องผิดหวังไปตามๆกัน
ในส่วนแฟนบอลที่มาจากประเทศไทย และมีตั๋วชัวร์ๆอยู่ในมือแล้วร่วมร้อยคนต่างเดินทางมารวมตัวกันหน้าสนามพร้อมกับมาบูมเชียร์กันอย่างสนุกสนาน แม้ว่าจะมีสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักแต่ทุกก็ยังอยู่ในอารมณ์สนุกสนาน ร้องเพลงเชียร์รอรับแชมป์
จากนั้นเวลา 16.45 น. บรรยากาศในสนามบูกิตจาลิลเริ่มที่จะคึกคักขึ้นเรื่อยๆบรรดาอุลตร้ามาลายา กองเชียร์พันธุ์ดุของ “เสือเหลือง” มาเลเซีย รวมพลกันกว่า 3,000 คนหน้าสนาม ก่อนจะร้องเพลงกันอย่างสนุก ทว่าได้มีการจุดพลุแฟร์ขึ้น จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเข้าไประงับเหตุทันใด จนหวิดจะวางมวยกันก่อนเข้าสนามแต่ก็ไม่มีเหตุการณ์บานปลายเกิดขึ้น
ขณะที่ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมาให้กำลังใจนักเตะพร้อมคณะผู้บริหารจากสมาคมฟุตบอลฯ อย่าง พ.อ.(พิเศษ) วรวุฒิ ทองศรีงาม เลขาธิการสมาคมลูกหนังไทย โดยยังยืนยันว่า ยอดอัดฉีดหากทีมชาติไทยสามารถคว้าแชมป์ได้จะรับเงินอัดฉีดทันที 25 ล้านบาท โดยมาจากโหลทอง โฮลดิ้ง ที่ประกาศอัดฉีดตั้งแต่แรกแล้ว 7 ล้านบาท, สมาคมฟุตบอลฯ 5 ล้านบาท, รางวัลแชมป์เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ 6.4 ล้านบาทและโบนัสอัดฉีดในแต่ละนัดอีกเป็นจำนวน 7 ล้าน รวมเบ็ดเสร็จ 25 ล้านเศษๆมีให้กับนักเตะทีมชาติไทยชุดนี้แน่นอน
จากสถิติในศึกอาเซียน คัพ ระหว่างไทยกับมาเลเซีย เจอกันมาทั้งหมด 12 ครั้ง ไทยชนะ 7 แพ้ 2 เสมอ 3 ครั้ง ยิงได้ 17 เสีย 9 ประตู ราคาต่อรองฟุตบอลซูซูกิคัพรอบชิงนัดสองระหว่างมาเลย์กับไทยที่นัดแรกไทยเปิดบ้านชนะมาได้ก่อน 2-0 เมื่อ 17 ธ.ค.57 นั้นปรากฏว่าโต๊ะเรตเปิดราคาออกมาชนิดที่มองว่าไทยจะคว้าแชมป์ไปครองได้มากกว่า โดยหากแทงไทยเป็นแชมป์นั้นแทง 100 จะได้แค่ 5 บาท แต่หากแทงว่ามาเลย์จะเป็นแชมป์นั้นถ้าแทง 100 บาทจะได้เต็ม เสียแค่ 21 บาท จากราคาดังกล่าวนี้หมายถึงโต๊ะพนันนั้นมองว่าไทยมีโอกาสคว้าแชมป์ครั้งนี้สูงทีเดียว
สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงของ ทีมชาติไทย ที่ใช้ลงสนามในระบบ 4-3-3 เป็นไปตามคาด ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กองหลัง 4 คน แบ็กซ้าย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา คู่เซ็นเตอร์ สุทธินันท์ พุกหอม กับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ แบ็กขวา นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม กองกลาง 3 คน สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์ และประกิต ดีพร้อม แนวรุก ริมเส้นด้านซ้าย เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ด้านขวา อดิศักดิ์ ไกรษร และกองหน้าตัวเป้า เป็น “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์
เริ่มเกมครึ่งแรกแค่ 5 นาที กองเชียร์เสือเหลือง นับแสนชีวิตก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อจังหวะที่ สุทธินันท์ พุกหอม พยายามจะเข้าถึงบอล แต่ถูก ตาลาฮา นอร์ชาห์รุล บังบอลจนล้มไปด้วยกัน ผู้ตัดสิน ฟากานี ชาวอิหร่าน ชี้เป็นลูกจุดโทษให้เจ้าถิ่นหน้าตาเฉย ท่ามกลางความงุนงงของนักเตะช้างศึก ก่อนที่บินราฮิม ซาฟิค จะสังหารผ่านนายทวาร กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นประตูให้มาเลเซียขึ้นนำไทย 1-0 สกอร์รวม 1-2
หลังเสียประตูแข้งไทยพยายามรวบรวมสมาธิ จนมาถึงนาทีที่ 10 กองเชียร์เจ้าบ้านใจหายวาบ เมื่อ กองหลังส่งลูกคืนให้ มาริฮัส ฟาริซาล ผู้รักษาประตูมาเลเซีย ก่อนจะเตะสวนออกมาถูกอดิศักดิ์ ไกรษร กระโดดบล็อก บอลกระเด้งเกือบเข้าประตูตัวเอง
นาทีที่ 20 อมิรุดดิน อาฟีฟ เข้าบอลแรงใส่ชาริล ชัปปุยส์ จากด้านหลัง ผู้ตัดสินควักใบเหลืองให้ทันที จากนั้นอีก 2 นาทีต่อมา เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ได้โอกาสซัดนอกกรอบด้วยเท้าซ้าย บอลแฉลบพื้นเข้ากรอบ ต้องให้มาริฮัส ฟาริซาล ออกแรงเซฟ
นาทีที่ 27 อัมรี ยายา เป็นนักฟุตบอลคนที่ 2 ของเจ้าบ้าน ที่รับใบเหลือง หลังสอย เกริกฤทธิ์ จากด้านหลังอย่างน่าเกลียด ก่อน 3 นาทีต่อมามาฮายุดดิน อินดรา ก็มาเสียใบเหลืองติดๆกันอีก หลังเล่นนอกเกมใส่ชาริล ชัปปุยส์
จากนั้นนาทีที่ 32 ไทย เกือบได้ประตูเสมอ หลังนฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม เติมขึ้นมาเปิดบอลเข้ากลางบอลผ่านอดิศักดิ์ ไกรษร หลุดมาถึง เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ยิงคนเดียว แต่เจ้าก้องยิงออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 40 กองหลังไทยพลาด ปล่อยให้บอลหลุดมาถึงตาลาฮา นอร์ชาห์รุล ยิงจ่อๆหน้าประตู ดีที่กองหลังไทยตามมาบล็อกได้ทันหวุดหวิด
ท้ายเกมผู้ตัดสินแจกใบเหลืองให้อดิศักดิ์ ไกรษร หลังผู้ตัดสินมองว่าเจตนาถ่วงเวลาตอนเจ็บ ก่อนเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ได้โอกาสยิงอีกครั้ง แต่ยังไม่ผ่าน มาริฮัส ฟาริซาล นายทวารเสือเหลือง กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก กองเชียร์เจ้าบ้านได้เฮอีกครั้ง เมื่อนอร์ชาห์รุลเปิดบอลทางริมเส้นฝั่งขวามาทางเสา 2 กองหลังไทย รวมถึง กวินทร์ออกมากะจังหวะพลาดทำให้มาฮายุดดิน อินดรา สอดมากระโดดโขกจากด้านหลังบอลเข้าประตูไปให้มาเลเซียนำไทย 2-0 สกอร์รวมเท่ากัน 2-2 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
เกมครึ่งหลังมา 2 นาที ไทยเกือบได้ประตู จากจังหวะที่เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ หลุดไปยิงแฉลบบอลออกหลังไป แต่นาทีที่ 57 ทีมเสือเหลือง กลับมาได้ประตูเพิ่มอีก เมื่อได้ลูกฟรีคิกระยะมีลุ้น บินราฮิม ซาฟิค ปั่นบอลโค้งข้ามกำแพง บอลฮุกเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวย มาเลเซียนำไทย 3-0 ประตูรวมแซงนำ 3-2 ไปแล้ว
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง ไทย ขยับเปลี่ยนตัว โดยส่งศราวุธ มาสุข ลงมาแทน ประกิต ดีพร้อม และนาทีที่ 67 ไทย มีโอกาสบ้าง เมื่อได้ลูกเตะมุม ชาริล ชัปปุยส์ เปิดให้ศราวุธ มาสุข กระโดดโหม่ง แต่บอลไม่เข้ากรอบ นาทีต่อมา มาเลเซียเปลี่ยนประตูอีก โดยส่งอาห์เหม็ด มุสลิม ลงมาแทน อมิรุดดิน อาฟีฟ ที่เจ็บเล่นต่อไม่ไหว
นาทีที่ 80 ไทย ได้ฟรีคิกระยะ 20 หลา นอกกรอบเขตโทษ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ วิ่งข้ามหลอกให้ สารัช อยู่เย็น ปั่นโค้งข้ามกำแพง นายทวาร มาริฮัส ฟาริซาล ปัดบอลได้จังหวะแรก แต่ชาริล ชัปปุยส์ วิ่งตามซ้ำเปรี้ยงเดียวตุงตาข่ายให้ไทยไล่มา 1-3 ประตูรวมเสมอ 3-3 แต่ทีมไทยได้เปรียบอเวย์โกลทันที
3 นาทีต่อมา ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองให้ทั้งสองทีม โดยให้ซาฟีที่มาเข้าบอลใส่สารัช อยู่เย็น อย่างจงใจเตะ และให้ชาริล ชัปปุยส์ โทษฐานโวยผู้ตัดสิน
จากนั้นนาทีที่ 86 กองเชียร์ไทยได้เฮกันทั้งประเทศ เมื่อศราวุธ มาสุข ได้บอลลุยมาจากริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจ่ายให้อดิศักดิ์ ไกรษร ดึงบอลหนึ่งจังหวะ แล้วไหลให้ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กดซัดเปรี้ยงเดียวด้วยซ้ายนอกกรอบ บอลพุ่งเสียบเข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด ให้ไทยไล่มา 2-3 ประตูรวมไทยนำ 4-3 ก่อนจะหมดเวลาด้วยสกอร์นี้ ส่งผลให้ทีมชาติไทย แม้จะบุกแพ้ 2-3 แต่ประตูรวม เฉือนเอาชนะ “เสือเหลือง” มาเลเซีย ไปได้ 4-3 คว้าแชมป์เอเอฟเอฟซูซูกิคัพมาครองได้เป็นครั้งแรก ในรอบ 12 ปี และเป็นแชมป์ถ้วยอาเซียนรายการนี้เป็นสมัยที่ 4 สูงสุดเท่ากับทีมชาติสิงคโปร์
ที่บ้านเสนาเมือง เลขที่ 66/1 หมู่ 10 บ้านศรีประเสริฐ ต.วังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น บ้านเกิดของซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ประเทศเมียนมาร์, คว้าอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ ประเทศเกาหลีใต้ และหัวหน้าผู้ฝึกสอนชุดซูซูกิคัพ ครั้งล่าสุด มีบรรดาเพื่อนบ้านนับร้อยคนพากันสวมเสื้อทีมชาติไทยและเสื้อที่มีสัญลักษณ์ธงชาติไทย มารอชมและเชียร์อย่างคึกคัก โดยมีการนำจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่มาติดตั้งบริเวณลานหน้าบ้าน เพื่อให้ทุกคนร่วมส่งใจไปเชียร์ทีมชาติไทยคว้าแชมป์ซูซูกิคัพ ที่ประเทศมาเลเซีย
นายสุริยา เสนาเมือง อายุ 70 ปี และนางริสม เสนาเมือง อายุ 69 ปี บิดา-มารดาของซิโก้ กล่าวว่า วันนี้เป็นเกมที่ไม่ง่ายสำหรับทีมชาติไทย แม้จะเอาชนะในนัดแรกมา 2 ประตูต่อ 0 แต่เชื่อมั่นว่าลูกชายจะนำแชมป์กลับมาเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ จึงขอแรงเชียร์ของคนไทยทั่วประเทศได้ส่งกำลังใจไปให้ทีมชาติไทยด้วย และหากทีมชาติไทยคว้าแชมป์ ตนจะเลิกสูบบุหรี่ทันที
การคว้าแชมป์ของทีมชาติไทยในครั้งนี้ ได้รับเงินรางวัลจากเอเอฟเอฟ จำนวน 200,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 6,400,000 บาท ขณะที่“เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ผู้ที่ซัลโวประตูที่ 2 ในเกมนี้ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักเตะทรงคุณค่า เอ็มวีพี ประจำทัวร์นาเมนต์ โดยเจ้าตัวได้รับเงินรางวัล 10,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 320,000 บาท ชนาธิปเปิดเผยว่า เป็นแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่ตนขอมอบให้เป็นของขวัญของชาวไทยทั้งประเทศ และเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่คืนก่อนนัดชิงชนะเลิศ ตนฝันว่ายิงได้ 1 ประตู และทีมชาติไทยเป็นแชมป์ ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ช่วยกันเล่นจนสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ รวมไปถึงขอบคุณแฟนๆชาวไทยที่ตามมาเชียร์ถึงที่นี่ และที่ประเทศไทยด้วย แม้เราจะเป็นช้าง แต่เป็นช้างศึกที่มาคว้าแชมป์ในถ้ำเสือ รู้สึกภูมิใจมาก” ชนาธิปกล่าว
ส่วน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมช้างศึก เปิดเผยว่า ขอชื่นชมลูกทีมทุกคนที่มีสมาธิกับเกม สวมหัวใจสิงห์เข้าสู้ และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ส่วนตัวแล้วแม้ว่าโดนนำ 3-0 แต่ก็นึกอยู่ในใจเสมอว่าจะทำประตูได้
สำหรับทีมชาติไทยจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 21 ธ.ค. ออกจากสนามบินนานาชาติ กัวลาลัมเปอร์ อินเตอร์เนชันแนล แอร์พอร์ต 2 ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่เอฟดี 320 ในเวลา 13.55 น. ถึงท่าอากาศยานดอนเมืองในเวลา 15.00 น.
“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมช้างศึก กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาพวกเราทำงานหนักกันมาตลอด 2 ปี สุดท้ายแล้วสามารถทวงแชมป์กลับมาได้ เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ การทำงานถือว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีศึกใหญ่ๆรออยู่อีก ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์ ปรีโอลิมปิก และคัดฟุตบอลโลก ซึ่งตรงนี้จะทำให้ดีที่สุด และที่สำคัญไม่แพ้กัน ต้องขอขอบคุณแฟนบอลและนักเตะทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกันมาตลอด
ทั้งนี้ ซิโก้-เกียรติศักดิ์เปิดเผยว่า หลังจบเกมได้รับโทรศัพท์จากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงความยินดีกับชัยชนะถือเป็นการสร้างความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศ และการคว้าแชมป์ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพอ พระทัยเป็นอย่างมาก
ขณะที่ “บิ๊กเษม” เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชาติไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่รอคอยมานาน ขอมอบแชมป์ซูซูกิ คัพ ให้เป็นของขวัญคริสต์มาส และของขวัญปีใหม่ของชาวไทยทุกคน ส่วนตัวตื่นเต้นไม่น้อยเลย แต่เท่าที่คลุกคลีกับฟุตบอลมาก็ต้องยอมรับว่าฟุตบอลก็เป็นเช่นนี้ มีเรื่องตื่นเต้นให้ลุ้นตลอด ไม่ต่างจากหนังเรื่องเจมส์บอนด์ที่สุดท้ายแล้วก็จะเป็นทางของพระเอกที่จะเป็นฮีโร่ในท้ายที่สุด
บรรยากาศที่บริเวณหน้าสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ถนนหัวหมาก บริษัทซูซูกิได้นำจอดิจิตอลขนาดใหญ่พร้อมเครื่องเสียงมาติดตั้งบริเวณด้านหน้าบันไดทางเข้า ตั้งแต่เวลา 17.00 น.มีแฟนบอลทยอยเข้าจับจองที่นั่ง ภายในงานเต็มไปด้วยความครึกครื้น มีการเล่นเกมชิงรางวัลจากนักเตะทีมชาติไทยรุ่นเก๋า อาทิ ธชตวัน ศรีปาน กระทั่งเวลา 19.00 น. เกมจึงเริ่มขึ้นบรรยากาศแฟนบอลที่สนามราชมังคลาฯ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทยอยมาจนเต็มลาน ด้านหน้าหลายพันคนเมื่อกรรมการเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขันได้เพียงไม่กี่นาที แฟนบอลไทยต้องเงียบเสียงลงเมื่อมาเลเซียได้จุดโทษ ระหว่างที่นักบอลตั้งลูก แฟนบอลเอาแต่นั่งสวดภาวนาไม่ให้เข้า แต่มาเลเซียก็ยิงนำไป 1 ประตูต่อ 0 ครึ่งแรกไทยโดนนำ 3-0 แฟนบอลบางส่วนเริ่มทยอยกลับ ต่อมาเริ่มเกมครึ่งหลังแฟนบอลชาวไทยได้กระโดดกอดกันดีใจพร้อมกันทั้งสนามเมื่อทีมชาติไทยยิงตีไข่แตกได้สำเร็จ และมีกำลังใจร้องเพลงเชียร์ทีมชาติไทยอย่างพร้อมเพรียงกัน จนได้เฮลั่นอีกครั้งเมื่อไทยได้เพิ่มอีก 1 ประตู แฟนบอลต่างโผเข้ากอดกัน ตะโกนโห่ร้อง เต้นรำทำเพลงกันยกใหญ่ ก่อนจะช่วยกันนับถอยหลังจนกรรมการเป่าหมดเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น